SUNEE YOGA INSTITUTE / www.yogathailand.com






    1.     อย่าให้อิ่มเกินไป หรือ หิวเกินไป ควรฝึกก่อนทานอาหาร หรือ หลังรับประทานอาหารแล้วอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
    2.     ถ่ายปัสสาวะให้หมดก่อนฝึก
    3.     ต้องตั้งใจจริง ๆ




    1.     เสื้อยืดแขนสั้น หรือแขนยาวตามอัธยาศัย
    2.     กางเกงยืด จะใช้ขายาวหรือขาสั้นก็ได้ สำหรับท่านชายควรมีกางเกงชั้นในยืด หรือกางเกงอาบน้ำชั้นใน
    3.     ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อ 2 ผืน
    4.     ผ้าปูรองอาสนะ 1 ผืน




    1.     ในระยะ 1-7 วันแรก หลังจากฝึกโยคะรู้สึกปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย แต่ท่านอย่าพึ่งท้อถอย
            เพราะแสดงว่าก้อนไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายท่านถูกใช้ เมื่อเริ่มรู้สึกปวดเมื่อย ฝึกซ้ำหลายครั้งเข้า
            กล้ามเนื้อจะเคยชินและจะหายไปเอง
    2.     การฝึกหายใจ ระหว่างฝึกโยคะ บางคนครั้งแรกอาจจะสับสน แต่เมื่อได้รับการฝึกที่ถูกต้อง เป็นเงื่อนไขที่สำคัญ
            เพราะจะทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น ระหว่างฝึกต้องเอาใจใส่และจดจำเมื่อครูผู้ฝึกบอกทุกระยะ และต่อไป
            ทุกคนจะจำได้และสามารถทำได้เองโดยอัตโนมัติ
    3.     ผู้เริ่มฝึกจะต้องตั้งต้นฝึกท่าที่เริ่มต้นในขั้นแรกตามระยะที่กำหนดได้ก่อนแล้ว จึงจะผ่านขั้นต่อไป จะเป็นประโยชน์
            และไม่เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายแก่ตัวด้วย เมื่อถึงเวลาพักจำเป็นต้องพักจริง ๆ
    4.     ผู้ฝึกจะต้องมีสมาธิ ตั้งใจฝึกจริง ๆ ตั้งใจจริงและไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้าง แล้วผู้ฝึกจะจำท่าทาง
            และการหายใจเข้า-กลั้น-ออก ได้เร็วที่สุด




  • โรคความอ้วน
  • โรคหวัดเรื้อรัง
  • ไซนัสอักเสบ
  • หายใจไม่สะดวก โรคหอบหืด
  • โรคปวดตามข้อ
  • โรคเบาหวาน
  • โรคความจำเสี่อม สมองเฉื่อยชา
  • โรคปวดศรีษะ เวียนศรีษะเป็นประจำ
  • โรคมือ เท้าชา
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคหัวใจ
  • โรคท้องผูกอาหารไม่ย่อย
  • โรคไขมันในเส้นเลือดสูง
  • โรคกระเพาะอาหาร และลำไส้
  • โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
  • ความเครียด และความกังวล
  • โรคนอนไม่หลับ
  • โรคเหน็บชา
  • ผิวพรรณไม่สดใส
  • สิว ฝ้า และรอยย่นบนใบหน้า
  • สายตาสั้น เสียงสั่น เสียงไม่ไพเราะ